1.     ร่วมงานกับเรา
  2.     ข่าวสาร STEC
  3.     ติดต่อเรา
  4.     ดาวน์โหลด
  5.     Youtube
  6.     Facebook

นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

 
 

บริษัท สยามเทคนิคคอนกรีต จำกัด (มหาชน) “บริษัท” ตระหนักถึงความสำคัญในความเป็นส่วนตัวและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า และคู่สัญญาของบริษัท จึงจัดให้มีประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้เพื่อลูกค้าและคู่สัญญาได้รับทราบถึงนโยบายของบริษัทเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลธรรมดาซึ่งเป็นลูกค้าหรือคู่สัญญาของบริษัท รวมเรียกว่า “ท่าน" เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 “พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” รวมทั้งกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง โดยประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้จะแจ้งให้ทราบถึงวิธีการที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ประเภทข้อมูล และวัตถุประสงค์ในการดำเนินการดังกล่าว รวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูล การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลภายนอก สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน การรักษาความลับและความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล และวิธีการติดต่อกับบริษัท บริษัทจึงขอให้ท่านได้อ่านนโยบายนี้อย่างรอบคอบก่อนเข้าใช้งานเว็ปไซต์ของบริษัท รวมถึงข้อตกลงอื่น ๆ นอกจากนโยบายนี้ที่มีการอ้างถึงในการขอความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งข้อตกลงเหล่านี้จะมีผลผูกพันท่านในทางกฎหมายเมื่อท่านเข้าใช้งานเว็ปไซต์ของบริษัทและเข้าเป็นคู่สัญญากับบริษัท โดยเมื่อท่านได้อ่านนโยบายนี้โดยตลอดแล้วและให้ความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามนโยบายนี้แล้ว หากท่านไม่เห็นด้วยที่จะมีการประมวลผลข้อมูลตามนโยบายนี้ ท่านสามารถถอนความยินยอมได้ หากท่านมีข้อสงสัยเกี่ยวกับกับนโยบายนี้ สามารถติดต่อบริษัทได้ตามข้อมูลติดต่อด้านล่าง

ข้อ 1. นโยบายนี้ใช้กับบุคคลดังต่อไปนี้

ลูกค้าหรือคู่สัญญาของบริษัท ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าหรือคู่สัญญาเดิมและ/หรือลูกค้าหรือคู่สัญญาปัจจุบันของบริษัท และให้หมายความรวมถึง กรรมการ ผู้ถือหุ้น พนักงาน ผู้ค้ำประกัน ผู้ให้หลักประกัน และผู้แทนโดยชอบด้วยกฎหมายของลูกค้าหรือคู่สัญญาซึ่งเป็นองค์กรธุรกิจ และบุคคลธรรมดาอื่นที่มีอำนาจในการกระทำการแทนลูกค้าหรือคู่สัญญาซึ่งเป็นองค์กรธุรกิจนั้น ทั้งนี้ ทางบริษัทขอแนะนำให้ลูกค้าหรือคู่สัญญาซึ่งเป็นองค์กรธุรกิจดำเนินการเพื่อให้มั่นใจว่าบุคคลผู้มีอำนาจกระทำการแทนหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องใด ๆ ของท่านได้รับทราบถึงประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัวของบริษัท

ข้อ 2. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากท่านโดยตรงซึ่งท่านยินยอมให้บริษัททำการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น โดยจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นภายใต้วัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัท และจะไม่เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนตัวของท่านจากแหล่งอื่น โดยทั่วไป ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะไม่มีการนำไปเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย เว้นแต่เป็นข้อกำหนดหรือบทบัญญัติของกฎหมายที่กำหนดให้ไม่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อน และบริษัทจะทำการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคของท่านภายใต้วัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้เท่านั้น บริษัทจะไม่ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลของท่านที่ทางบริษัทได้เก็บรวบรวมไว้ให้แก่บุคคลหรือหน่วยงานอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องตามนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ เว้นแต่ เมื่อได้รับการร้องขอหรือได้รับความยินยอมอย่างชัดแจ้งจากท่าน ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน จะได้รับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยบริษัท ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ และระบบการจัดเก็บเอกสารในรูปของกระดาษ ทั้งนี้ หากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านกับบริษัท อาจส่งผลกระทบต่อท่าน เช่น บริษัทอาจจะไม่สามารถติดต่อท่านเพื่อดำเนินการตามที่ท่านร้องขอได้ ท่านอาจจะไม่ได้รับความสะดวกในการรับบริการจากบริษัท หรือบริษัทอาจจะไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาที่มีต่อท่านได้ ซึ่งอาจจะทำให้ท่านได้รับความเสียหายได้ นอกจากนี้ การที่ท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติตามกฎหมายใด ๆ ที่บริษัทหรือท่านต้องปฏิบัติตาม และอาจมีบทกำหนดโทษที่เกี่ยวข้อง บริษัทอาจจัดเก็บบันทึกข้อมูลการเข้าออกเว็บไซต์ (Log Files) ของท่าน โดยจะจัดเก็บข้อมูลดังนี้ หมายเลขไอพี (IP Address) หรือ เวลาการเข้าใช้งาน เป็นต้น เว็บไซต์ของบริษัท อาจใช้คุกกี้ในบางกรณี คุกกี้ คือไฟล์ข้อมูลขนาดเล็กที่จัดเก็บข้อมูลซึ่งแลกเปลี่ยนระหว่างคอมพิวเตอร์ของท่านและเว็บไซต์ของบริษัท บริษัทใช้คุกกี้เฉพาะเพื่อการจัดเก็บข้อมูลที่อาจเป็นประโยชน์ต่อท่านในครั้งถัดไปที่ท่านกลับมาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัท เมื่อท่านเข้าใช้บริการเว็บบราวเซอร์ ท่านสามารถตั้งค่าเพื่อยอมรับคุกกี้ทั้งหมดหรือปฏิเสธคุกกี้ทั้งหมด หรือแจ้งเตือนให้ท่านทราบเมื่อมีการส่งคุกกี้ โดยท่านสามารถเข้าไปตั้งค่าที่เมนู “ความช่วยเหลือ” ในบราวเซอร์ของท่านเพื่อเรียนรู้วิธีการเปลี่ยนแปลงการใช้คุกกี้ของท่านได้ โปรดทราบว่าการปิดการใช้งานคุกกี้อาจส่งผลต่อการใช้งานบางบริการของท่านได้

ข้อ 3. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

3.1 เพื่อใช้สำหรับการลงทะเบียนและการยืนยันตัวตนของท่าน เช่น ในการลงทะเบียนเข้าสู่เว็ปไซต์ของบริษัท หรือแอปพลิเคชั่นซึ่งผ่านบัญชีผู้ใช้งานของบริษัท หรือยืนยันตัวตนในการติดต่อซื้อขายสินค้าและรับบริการต่าง ๆ จากบริษัท การนำเสนอข้อมูลผลิตภัณฑ์ของบริษัท และบริษัทในเครือ

3.2 การจัดการด้านการดำเนินธุรกิจ การอำนวยความสะดวก การพัฒนาธุรกิจของบริษัทและบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกัน เช่น การค้นหาและแนะนำผลิตภัณฑ์และบริการที่เหมาะสมแก่ท่าน การบริการหลังการขาย การประเมินหรือวิจัยการตลาด เพื่อพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์ ของบริษัท และบริษัทในเครือ

3.3 การปกป้องและป้องกันสิทธิและผลประโยชน์ของบริษัทหรือบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกัน ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการทางปกครอง กระบวนการยุติธรรมของศาล และรวมถึงการไกล่เกลี่ยประนีประนอมข้อพิพาททั้งปวง

3.4 เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกัน เช่น มาตราการรักษาความปลอดภัยของบริษัท การบริหารความเสี่ยง การสนับสนุนด้านการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และการนำข้อมูลไปใช้และการบำรุงรักษาระบบด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การตรวจสอบระบบต่าง ๆ เพื่อป้องกันการใช้งานที่ผิดกฎหมาย หรือขัดต่อนโยบายของบริษัทหรือบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกัน การตรวจสอบและป้องกันการคุกคามใด ๆ ที่มิชอบด้วยกฎหมาย

3.5 เป็นการจำเป็นเพื่อสงวน หรือปกป้องสิทธิของบริษัทหรือบริษัทที่เกี่ยวข้องกันภายใต้อำนาจศาล เพื่อตอบรับคำร้องขอด้านการบังคับใช้กฎหมายหรือกระบวนการการเปิดเผยข้อมูล หรือในกรณีที่จำเป็นหรือมีสิทธิกระทำได้ตามกฎหมายที่มีผลบังคับใช้ คำสั่งศาล ระเบียบของราชการ

3.6 เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญา

3.7 เป็นการปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมายที่บังคับต่อบริษัทที่ต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เช่น กฎหมายภาษีอากร กฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กฎหมายคอมพิวเตอร์ กฎหมายล้มละลาย เป็นต้น และรวมถึงการปฏิบัติตามข้อบังคับ ข้อกำหนดตามกฎหมายหรือของหน่วยงานราชการกำหนดทั้งก่อน ขณะหรือภายหลังจากที่ประกาศฉบับนี้มีผลบังคับใช้

อนึ่ง บริษัท อาจเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลของท่านได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากท่าน ทั้งนี้เท่าที่จำเป็นและตราบเท่าที่เป็นไปตามวัตถุประสงค์และในกรณีดังต่อไปนี้เท่านั้น

(ก) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการป้องกันที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของท่าน

(ข) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล

(ค) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญาหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญานั้น

(ง) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่บริษัท

(จ) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่บริษัท เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

(ฉ) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของบริษัท

ข้อ 4. ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทจะทำการเก็บรวมรวม ได้แก่

4.1 ชื่อ – นามสกุล วันเกิด อายุ

4.2 ลายมือชื่อ

4.3 ที่อยู่ตามภูมิลำเนาหรือที่อยู่ปัจจุบัน

4.4 หมายเลขโทรศัพท์

4.5 อีเมล์แอดเดรส

4.6 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน

4.7 สำเนาใบอนุญาตต่าง ๆ ที่ปรากฏข้อมูลส่วนบุคคล

4.8 หมายเลขบัญชีธนาคาร

ข้อ 5. ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทมีความจำเป็นที่จะต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นระยะเวลาเท่าที่จำเป็นในระหว่างที่ท่านยังมีความสัมพันธ์อยู่กับบริษัท หรือตลอดระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการของบริษัท หรือตลอดระยะเวลาที่บริษัทกับท่านยังมีนิติสัมพันธ์กันตามกฎหมายหรือตามสัญญา และจะเก็บรวบรวมไว้ต่อไปภายหลังจากนั้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์ตรวจสอบกรณีอาจเกิดข้อพิพาทภายในอายุความตามที่กฎหมายกำหนดไว้สูงสุดเป็นระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี หากไม่มีข้อพิพาทใด ๆ เกิดขึ้น หรือจนกว่าคดีจะถึงที่สุดและครบกำหนดอายุความในการบังคับคดี กรณีมีข้อพิพาทเกิดขึ้น ทั้งนี้ บริษัทจะลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุถึงตัวตนของท่านได้เมื่อหมดความจำเป็นหรือสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว

ข้อ 6. ประเภทของบุคคลหรือหน่วยงานซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจจะถูกเปิดเผย ได้แก

6.1 บริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกัน บริษัทในเครือ พันธมิตรทางธุรกิจ และ/หรือ บุคคลอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับบริษัท รวมถึง กรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้าง ผู้รับจ้าง ตัวแทน ที่ปรึกษาของบริษัท และ/หรือของบุคคลดังกล่าว

6.2 คู่ค้า ตัวแทน องค์กรหรือหน่วยงานภาครัฐหรือรัฐวิสาหกิจที่บริษัทเป็นคู่สัญญา หรือมีนิติสัมพันธ์ (เช่น องค์กรตรวจสอบทั้งภายในและภายนอกบริษัท ผู้สอบบัญชี ธนาคาร เป็นต้น) ซึ่งการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะมีวัตถุประสงค์โดยเฉพาะเจาะจง ภายใต้ฐานทางกฎหมายและมาตรการความปลอดภัยที่เหมาะสม

6.3 ตัวแทนทวงถามหนี้ ทนายความ ศาล หน่วยงานภาครัฐ หรือบุคคลใด ๆ ที่บริษัทถูกกำหนดหรือได้รับอนุญาตให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมาย กฎระเบียบ หรือคำสั่ง

ข้อ 7. สิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน มีดังนี้

7.1 สิทธิในการถอนความยินยอมเสียเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธิในการถอนความยินยอมโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน ทั้งนี้ การถอนความยินยอมดังกล่าวย่อมไม่กระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบก่อนที่จะถอนความยินยอม

7.2 สิทธิในการขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่านซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท หรือขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอม เว้นแต่ ในกรณีที่มีกฎหมายหรือคำสั่งศาลห้ามมิให้กระทำการเช่นนั้น หรือหากการเข้าถึงหรือขอรับสำเนาข้อมูลของท่านจะส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น

7.3 สิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่านในรูปแบบอัตโนมัติได้ในกรณีที่บริษัทได้เก็บรวบรวมข้อมูลของท่านไว้ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิ

7.3.1 ขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ

7.3.2 ขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่โดยสภาพทางเทคนิคไม่สามารถทำได้

7.4 สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่านเมื่อใดก็ได้ ดังต่อไปนี้

7.4.1 เมื่อมีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้รับมอบให้แก่บริษัท โดยไม่ได้รับความยินยอมจากท่านในการเก็บรวบรวมข้อมูล

7.4.2 เมื่อมีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่บริษัท โดยไม่ได้รับความยินยอมจากท่านในการเก็บรวบรวมข้อมูล

7.4.3 เมื่อมีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง

7.4.4 เมื่อมีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสต์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ เว้นแต่เป็นการจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท

7.5 สิทธิในการขอให้ดำเนินการลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้ ในกรณีดังต่อไปนี้ 7.5.1 เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล 7.5.2 เมื่อท่านถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล และบริษัทไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นได้ต่อไป 7.5.3 เมื่อท่านคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามข้อ 7.4

7.6 สิทธิในการขอให้บริษัทดำเนินการให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนั้นถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

7.7 สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ ในกรณีดังต่อไปนี้

7.7.1 เมื่ออยู่ในระหว่างการตรวจสอบตามที่ท่านร้องขอให้ดำเนินการตามข้อ 7.6

7.7.2 เมื่อเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องลบหรือทำลายตามข้อ 7.5 แต่ท่านได้ขอให้ระงับการใช้แทน

7.7.3 เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล แต่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีความจำเป็นต้องขอให้เก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายหรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

7.7.4 เมื่อบริษัทอยู่ในระหว่างการพิสูจน์กรณีที่ท่านมีคำขอคัดค้านตามข้อ 7.4 แต่บริษัทได้ปฏิเสธคำคัดค้านของท่านดังกล่าว

7.8 สิทธิในการร้องเรียนในกรณีที่บริษัทหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งลูกจ้างหรือผู้รับจ้างของบริษัทหรือของผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือประกาศที่ออกตามพรบ.ดังกล่าว หากท่านต้องการใช้สิทธิใด ๆ ที่ระบุในส่วนนี้ ท่านสามารถติดต่อบริษัทได้โดยใช้วิธีการที่อยู่ในส่วน “วิธีการติดต่อบริษัท” คำร้องขอใช้สิทธิใด ๆ ข้างต้นอาจถูกจำกัดโดยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาจมีบางกรณีที่บริษัทสามารถปฏิเสธคำขอของท่านได้โดยสมควรและโดยชอบ เช่น เมื่อบริษัทต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล หรือที่กฎหมายให้อำนาจที่จะกระทำได้

ข้อ 8. การถอนความยินยอมและผลของการถอนความยินยอม

ท่านอาจเพิกถอนความยินยอมให้บริษัทเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวข้างต้น โดยแจ้งให้บริษัททราบและบริษัทอาจขอทราบถึงเหตุผลแห่งการนั้น การเพิกถอนความยินยอมของท่าน จะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้วก่อนหน้านี้ การเพิกถอนความยินยอมให้บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล อาจจะมีผลกระทบกับการรับข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและ/หรือบริการบางส่วนของบริษัท ในบางกรณีบริษัทอาจยังคงเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้เท่าที่จำเป็นและเท่าที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอมตามกฎหมาย แม้ท่านจะได้ถอนความยินยอมในการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแล้วก็ตาม

ข้อ 9. การรักษาความปลอดภัย

บริษัทรับทราบและตระหนักถึงความสำคัญของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทจะดูแลมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลทั้งด้านกายภาพ เทคนิค และส่วนขององค์กรทั้งหมดตามสมควร รวมถึงการตรวจสอบระบบป้องกันการโจมตีจากภายนอก เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากการจารกรรม การสูญหาย สูญหายโดยบังเอิญ การแก้ไขเปลี่ยนแปลง การเข้าใช้งานโดยไม่ได้รับอนุญาต การใช้งาน การเปิดเผย การคัดลอก และการทำงานโดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยสอดคล้องกับกฎหมายที่มีผลบังคับใช้ในปัจจุบัน

ข้อ 10. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ

หากมีกรณีที่จะต้องเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปนอกราชอาณาจักร บริษัทจะนำข้อกำหนด ข้อตกลงเช่นเดียวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ควบคุมข้อมูลในราชอาณาจักรมาบังคับใช้โดยอนุโลม โดยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจมีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยไปยังบริษัทในเครือทั้งในและนอกราชอาณาจักร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขอบเขตในการปฏิบัติตามข้อกำหนดในสัญญา ซึ่งบริษัทจะทำการปกป้องความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเพียงพอ ไม่ว่าประเทศดังกล่าวที่รับข้อมูลส่วนบุคคลจะมีกฎหมายหรือข้อกำหนดความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวหรือไม่ก็ตาม การส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลไปยังนอกราชอาณาจักรจะกระทำก็ต่อเมื่อเป็นประโยชน์ต่อตัวท่านโดยแท้ ในกรณีที่บริษัทจะต้องปฏิบัติตามข้อตกลง ข้อกำหนด ระเบียบปฏิบัติของบริษัทในเครือที่อยู่นอกราชอาณาจักรตามกฎหมายหรือข้อกำหนดท้องถิ่นว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนั้น ๆ ใช้บังคับในทำนองเดียวกัน ถึงแม้ว่าประเทศที่นำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไปจะไม่มีหรือมีน้อยกว่ามาตรฐานที่กำหนดของประกาศฉบับนี้ บริษัทจะธำรงไว้ซึ่งมาตรฐานของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างเคร่งครัดและเป็นความลับเฉพาะบุคคล

ข้อ 11. การจัดการกับข้อมูลส่วนบุคคลเดิม

ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้เก็บรวบรวมไว้ก่อนวันที่ 1 มิถุนายน 2564 บริษัทจะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลบางส่วนเท่าที่จำเป็นต่อไป เพื่อการปฏิบัติตามสัญญา และเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย ทั้งนี้ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอาจแจ้งยกเลิกความยินยอมได้โดยวิธีการที่อยู่ในส่วน “วิธีการติดต่อบริษัท”

ข้อ 12. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว

บริษัทสงวนสิทธิในการเปลี่ยนแปลงแก้ไขประกาศ ข้อกำหนด วิธีการอย่างหนึ่งอย่างใดเป็นครั้งคราวภายหลังที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ เพื่อให้การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลเป็นไปด้วยความเรียบร้อยได้ทั้งสิ้น โดยบริษัทจะแจ้งประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับปัจจุบันไว้ที่เว็บไซต์ของบริษัท www.stec.co.th

ข้อ 13. วิธีการติดต่อบริษัท

หากมีข้อสงสัย หรือต้องการสอบถามข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลและนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ หรือต้องการขอใช้สิทธิของท่าน โปรดติดต่อได้ที่ บริษัท สยามเทคนิคคอนกรีต จำกัด (มหาชน) เลขที่ 50 ซอยงามวงศ์วาน 47 แยก 20 ถนนงามวงศ์วาน แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 10210 โทร. 025893888 ต่อ 317

Website: www.stec.co.th

E-mail: bkkoffice@stec.co.th

นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 1/2564 ลงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564
ให้ประกาศฉบับนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไป

Download PDF
 

นโยบายการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับพนักงานของ บริษัท สยามเทคนิคคอนกรีต จำกัด (มหาชน)

 
 

ตามที่ราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2562 และให้มีผลใช้บังคับเมื่อพ้นหนึ่งปีนับแต่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วนั้น เพื่อให้บริษัท สยามเทคนิคคอนกรีต จำกัด (มหาชน) สามารถปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมายได้อย่างเคร่งครัด มีการสื่อสารให้ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้เกิดความเข้าใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล และสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม บริษัทเห็นเป็นการสมควรให้ประกาศนโยบาย ดังต่อไปนี้

ข้อ 1. ประกาศนี้ชื่อว่า

“นโยบายการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล” เป็นเอกสารระดับนโยบายบริษัท

ข้อ 2. บรรดาข้อกำหนด

ระเบียบปฏิบัติใด ที่ขัดกับประกาศฉบับนี้ให้เป็นอันใช้บังคับไม่ได้ตั้งแต่วันที่ประกาศฉบับนี้มีผลบังคับใช้ กรณีที่ต้องมีการตีความหรือจัดทำวิธีปฏิบัติใหม่ ให้ฝ่ายกฎหมายเป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการดำเนินการทั้งปวง

ข้อ 3. คำนิยาม

3.1 บริษัท หมายถึง บริษัท สยามเทคนิคคอนกรีต จำกัด (มหาชน) และให้หมายรวมถึง บริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกัน บริษัทในเครือทั้งที่มีอยู่ในขณะประกาศฉบับนี้หรือภายหลังจากที่ประกาศฉบับนี้มีผลบังคับใช้ และให้หมายรวมถึงบุคคลคนเดียวหรือหลายคนที่บริษัทได้มอบหมาย สั่งการให้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์แห่งประกาศฉบับนี้

3.2 ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งสามารถทำให้ระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ และให้หมายความรวมถึง ข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกจัดให้เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวตามกฎหมาย ได้แก่ สัญชาติ เชื้อชาติ ศาสนา ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลชีวภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน เป็นต้น

3.3 พนักงาน หมายถึง บุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้ทำการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ ให้ถือว่าผู้ที่เคยให้ข้อมูลส่วนบุคคลกับบริษัทเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลด้วย

3.4 ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคล ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

3.5 ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคล ซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล

3.6 บุคคล หมายถึง บุคคลธรรมดาคนหนึ่งคนใด ซึ่งตามประกาศฉบับนี้ให้หมายถึง พนักงานของบริษัท

ข้อ 4

ประกาศฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานเพื่อให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการนำข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานไปใช้งานโดยหรือในนามบริษัท หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากบริษัท เพื่อให้ความมั่นใจว่า ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานทุกคนจะ

4.1 ได้รับการนำไปเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยอย่างเป็นธรรมและชอบด้วยกฎหมาย

4.2 ได้รับการนำไปเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยตรงตามวัตถุประสงค์เป็นการเฉพาะเท่านั้น

4.3 มีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ปลอดภัย ถูกต้อง เหมาะสม เป็นปัจจุบัน ตรงความเป็นจริงของพนักงาน

4.4 มีการเก็บรวบรวมข้อมูลในระยะเวลาพอสมควรอันจำเป็นเพื่อประโยชน์ต่อพนักงาน

4.5 มีการเก็บรักษา การเข้าถึงด้วยความปลอดภัย ไม่มีการนำไปใช้โดยขัดต่อสิทธิของพนักงาน

ข้อ 5

ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานที่ยินยอมให้บริษัททำการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น บริษัทจะนำไปใช้ประโยชน์ในกรณีดังต่อไปนี้เป็นสำคัญ

5.1 การจัดการด้านทรัพยากรบุคคล อันประกอบไปด้วย การจัดการทั่วไปในส่วนของพนักงาน ข้อมูลเพื่อการทำบัญชีเงินเดือน การจ้างงาน การบริหารค่าจ้าง ผลตอบแทน สิทธิประโยชน์ สวัสดิการ การตรวจสุขภาพ การประเมินผลการปฏิบัติงาน การสอบสวนทางวินัย การตรวจสอบประวัติอาชญากรรม รวมถึงการกระทำใด ๆ ที่เป็นการบกพร่องต่อหน้าที่การงาน การวิเคราะห์อัตรากำลัง การปรับเปลี่ยนโครงสร้างบริหารองค์กร การวางแผนความก้าวหน้าในสายอาชีพ การฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากร การควบรวมกิจการ การจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของบริษัท และรวมถึงการบอกเลิกสัญญาจ้างงานของบริษัท

5.2 การจัดการด้านสินทรัพย์ การอำนวยความสะดวก การพัฒนาธุรกิจของบริษัท

5.3 การปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมายที่บังคับต่อนายจ้างที่ต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน เช่น กฎหมายกองทุนเงินทดแทน กองทุนประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นต้น และรวมถึงข้อบังคับ ข้อกำหนดตามกฎหมายหรือหน่วยงานราชการกำหนดทั้งก่อน ขณะหรือภายหลังจากที่ประกาศฉบับนี้มีผลบังคับใช้

5.4 การปกป้องและป้องกันสิทธิและผลประโยชน์ของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการทางปกครอง กระบวนการยุติธรรมของศาล และรวมถึงการไกล่เกลี่ยประนีประนอมข้อพิพาททั้งปวง

5.5 การสนับสนุนด้านการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และการนำข้อมูลไปใช้และการบำรุงรักษาระบบและแอปพลิเคชั่นด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การตรวจสอบระบบต่าง ๆ เพื่อป้องกันการใช้งานที่ผิดกฎหมาย หรือขัดต่อนโยบายของบริษัท

5.6 เพื่อดำเนินการตามคำขอเป็นการเฉพาะของพนักงานก่อนที่จะเข้าทำข้อตกลงการจ้างงาน (ถ้ามี)

5.7 เพื่อปกป้องผลประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือที่จำเป็นต้องสงวน หรือปกป้องสิทธิของบริษัทภายใต้อำนาจศาล เพื่อตอบรับคำร้องขอด้านการบังคับใช้กฎหมายหรือกระบวนการการเปิดเผยข้อมูล หรือในกรณีที่จำเป็นหรือมีสิทธิกระทำได้ตามกฎหมายที่มีผลบังคับใช้ คำสั่งศาล ระเบียบของราชการ

5.8 เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

5.9 เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล

5.10 เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญา

5.11 เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่บริษัท

5.12 เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่บริษัท เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

5.13 เป็นการปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมายที่บังคับต่อบริษัทที่ต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เช่น กฎหมายเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษี เป็นต้น และรวมถึงข้อบังคับ ข้อกำหนดตามกฎหมายหรือหน่วยงานราชการกำหนดทั้งก่อน ขณะหรือภายหลังจากที่ประกาศฉบับนี้มีผลบังคับใช้

ข้อ 6

ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจะนำมาเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย คือ

6.1 ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ตามภูมิลำเนา ที่อยู่ปัจจุบัน และที่อยู่ที่ติดต่อได้ หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน

6.2 ข้อมูลวัน เดือน ปี และสถานที่เกิด สัญชาติ ศาสนา เพศ กรุ๊ปเลือด ตัวอย่างลายนิ้วมือ เป็นต้น

6.3 ข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารที่ออกโดยหน่วยงานราชการ ได้แก่ สำเนาเอกสารบัตรประจำตัวประชาชน หนังสือเดินทาง วีซ่า หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี ใบอนุญาตทำงาน สำเนาทะเบียนบ้าน รูปถ่าย เอกสารแสดงการเปลี่ยนชื่อ/นามสกุล สำเนาใบอนุญาตขับรถ สำเนาใบประกอบวิชาชีพต่าง ๆ ที่ปรากฏข้อมูลส่วนบุคคล

6.4 สถานภาพการสมรส ข้อมูลคู่สมรส บุตร บิดา มารดา พี่น้องร่วมบิดามารดา

6.5 ข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษาในอดีตจนถึงปัจจุบัน ที่จำเป็นต่อการพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน

6.6 ข้อมูลเกี่ยวกับการฝึกอบรม การทดสอบทักษะต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน

6.7 ข้อมูลวันที่เข้าทำงาน ตำแหน่งงาน อัตราค่าจ้าง เลขที่บัญชีเงินฝากธนาคาร

6.8 ข้อมูลเกี่ยวกับบันทึกผลการปฏิบัติงานตั้งแต่เริ่มเข้าทำงานกับบริษัท

6.9 ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการปรับค่าจ้าง ผลตอบแทน สวัสดิการ การเลื่อน โอนย้ายตำแหน่งงาน

6.10 ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่บริษัทสามารถติดต่อได้ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินกับตัวพนักงาน โดยบุคคลอ้างอิงดังกล่าวได้ให้ความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรกับบริษัท

6.11 ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการเข้ารับการรักษาพยาบาล ข้อตกลงการทำประกันสุขภาพ ประกันชีวิต

6.12 ข้อมูลประวัติการมาทำงาน การลาหยุดงาน การขาดงาน การถูกลงโทษทางวินัย

6.13 ข้อมูลการสอดส่องเพื่อดูแลความปลอดภัย เช่น ข้อมูลการเข้าใช้งานระบบภายใน การเข้าอาคาร ข้อมูลที่บันทึกจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด บันทึกเวลาทำงาน (บันทึกการใช้งานอินเทอร์เน็ต อีเมล์ และข้อมูลการใช้โทรศัพท์ รหัสสำหรับระบบข้อมูลสารสนเทศและสิทธิการเข้าถึงระบบข้อมูลสารสนเทศของบริษัท)

6.14 ข้อมูลอื่นใดที่พนักงานได้เป็นผู้ให้ข้อมูลกับบริษัทขณะเขียนใบสมัคร แบบแจ้งประวัติเมื่อเข้าทำงาน

6.15 ข้อมูลที่เกี่ยวกับประวัติการเกิดอุบัติเหตุหรืออันตรายหรืออาการของการเจ็บป่วย โรคอันเนื่องมาจากการทำงาน ซึ่งบริษัทได้จัดเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลตามที่กฎหมายกำหนด

6.16 ข้อมูลที่พนักงานหรือบริษัทใช้ในการติดต่อกับกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา และข้อมูลที่บริษัทต้องปฏิบัติตามที่พระราชบัญญัติเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษากำหนด

6.17 วันและมูลเหตุแห่งการสิ้นสุดสัญญาจ้างงาน และข้อมูลของบุคคลติดต่อภายหลังออกจากงาน

ข้อ 7

ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน จะได้รับการเก็บรวบรวมไว้อย่างปลอดภัย ป้องกันการเข้าใช้งานโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยบังเอิญ การลบล้าง หรือการทำให้ข้อมูลสูญหาย สูญเสียโดยบังเอิญ ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลจะได้รับการเก็บไว้ในฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น

7.1 ระบบบัญชีเงินเดือน

7.2 ระบบปฏิบัติการด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์

7.3 ระบบการเงิน

ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน จะได้รับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยบริษัท ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ และระบบการจัดเก็บเอกสารในรูปของกระดาษ

ข้อ 9

โดยทั่วไป ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานจะไม่มีการนำไปเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย เว้นแต่จะได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากพนักงาน หรือเป็นข้อกำหนด หรือบทบัญญัติของกฎหมายที่กำหนดให้ไม่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากพนักงานก่อน

ข้อ 10

พนักงานมีสิทธิในการขอข้อมูล ทำสำเนา ขอให้ลบ คัดค้านหรือระงับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่บางส่วนได้ โดยแจ้งความจำนงเป็นลายลักษณ์อักษรกับบริษัท

พนักงานมีสิทธิถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเสียเมื่อใดก็ได้ โดยแจ้งให้บริษัททราบและบริษัทอาจขอทราบถึงเหตุผลแห่งการนั้น ซึ่งการถอนความยินยอมอาจจะมีผลกระทบกับสิทธิในการรับสวัสดิการต่าง ๆ ของบริษัท และอาจเป็นผลให้บริษัทไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่หรือภาระผูกพันตามสัญญาจ้างงานที่มีต่อพนักงานทั้งหมดหรือบางส่วนได้ ทั้งนี้ การถอนความยินยอมดังกล่าวไม่ส่งผลกระต่อการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้วก่อนหน้านี้

ข้อ 11

หากไม่มีการกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานไว้ตลอดระยะเวลาที่พนักงานมีสถานภาพการเป็นพนักงานของบริษัท และภายในระยะเวลา 5 ปีนับจากวันที่พนักงานพ้นสภาพการเป็นพนักงาน เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าวแล้ว บริษัทจะดำเนินการลบข้อมูลส่วนบุคคลทิ้งไปเสีย โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากพนักงาน

ข้อ 12

ในกรณีจำเป็นเพื่อให้มีการปฏิบัติตามข้อผูกพันที่มีต่อพนักงาน หรือเพื่อให้พนักงานปฏิบัติหน้าที่งานของตนเองได้ ข้อมูลของพนักงานจะได้รับการนำไปส่งต่อ เปิดเผยให้กับบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกัน บริษัทในเครือ หรือผู้ให้บริการภายนอกที่ดูแลแนวทางปฏิบัติด้านการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลตามสมควรเทียบเท่ากับแนวทางที่อยู่ภายใต้กฎหมายที่มีผลบังคับใช้ บริษัทอาจได้รับสิทธิในการเข้าใช้งานฐานข้อมูลทั้งหมดหรือแต่บางส่วนในกรณีจำกัด แต่การเข้าใช้งานดังกล่าวจะได้รับการจำกัดไว้เพียงเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ต้องการทราบเท่านั้น ผ่านทางการจำกัดการเข้าใช้งาน เช่น

12.1 ธนาคารหรือหน่วยงานที่ทำบัญชีเงินเดือน

12.2 หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงาน เช่น ประกันสังคม กองทุนเงินทดแทน กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นต้น

12.3 หน่วยงานราชการอื่น เช่น คำสั่งหรือหมายเรียกของศาล กรมสรรพากร กรมศุลกากร เป็นต้น

12.4 ผู้รับประกันภัย

12.5 หน่วยงานด้านทรัพยากรบุคคล และหน่วยงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัท

12.6 ที่ปรึกษา ผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้องกับระบบบริหารทรัพยากรบุคคล ระบบบัญชีการเงิน ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่บริษัทได้ว่าจ้าง ตกลงหรือมอบหมายให้ได้เข้าถึงซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลเช่นว่านั้น

ทั้งนี้ ในกรณีที่มีผู้ได้สิทธิกระทำการได้ดังกล่าวข้างต้น บริษัทจะจัดให้ปฏิบัติตามที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยเคร่งครัด และนำไปใช้แต่ในเฉพาะกรณีที่ข้อมูลดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาธุรกิจหรือต่อการทำงานของพนักงานเท่านั้น

ข้อ 13

หากมีกรณีที่จะต้องเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานไปนอกราชอาณาจักร บริษัทจะนำข้อกำหนด ข้อตกลงเช่นเดียวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ควบคุมข้อมูลในราชอาณาจักรมาบังคับใช้โดยอนุโลม โดยข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานอาจมีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยไปยังบริษัทที่เกี่ยวข้องหรือบริษัทในเครือทั้งในและนอกราชอาณาจักร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขอบเขตหน้าที่ความรับผิดชอบ ตำแหน่งงาน โอกาสความก้าวหน้าในสายอาชีพของพนักงานแต่ละรายเป็นการเฉพาะ ซึ่งบริษัทจะทำการปกป้องความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลพนักงานอย่างเพียงพอ ไม่ว่าประเทศดังกล่าวที่รับข้อมูลส่วนบุคคลจะมีกฎหมายหรือข้อกำหนดความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวหรือไม่ก็ตาม

ข้อ 14

การส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลไปยังนอกราชอาณาจักรจะกระทำก็ต่อเมื่อเป็นประโยชน์ต่อตัวพนักงานในด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลโดยแท้ และรวมถึงการที่บริษัทจะต้องปฏิบัติตามข้อตกลง ข้อกำหนด ระเบียบปฏิบัติของบริษัทที่เกี่ยวข้องหรือของบริษัทในเครือที่อยู่นอกราชอาณาจักรตามกฎหมายหรือข้อกำหนดท้องถิ่นว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนั้น ๆ ใช้บังคับในทำนองเดียวกัน ถึงแม้ว่าประเทศที่นำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไปจะไม่มีหรือมีน้อยกว่ามาตรฐานที่กำหนดของประกาศฉบับนี้ บริษัทจะธำรงไว้ซึ่งมาตรฐานของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานอย่างเคร่งครัดและเป็นความลับเฉพาะบุคคล

ข้อ 15

บริษัทจะดูแลมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลทั้งด้านกายภาพ เทคนิค และส่วนขององค์กรทั้งหมดตามสมควร รวมถึงการตรวจสอบระบบป้องกันการโจมตีจากภายนอก เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานจากการจารกรรม การสูญหาย สูญหายโดยบังเอิญ การแก้ไขเปลี่ยนแปลง การเข้าใช้งานโดยไม่ได้รับอนุญาต การใช้งาน การเปิดเผย การคัดลอก และการทำงานโดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยสอดคล้องกับกฎหมายที่มีผลบังคับใช้ในปัจจุบัน

ข้อ 16

พนักงานเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่รับผิดชอบในการยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลมีความเป็นปัจจุบัน ถูกต้อง เหมาะสม ตามแบบและวิธีการที่บริษัทจะได้กำหนดไว้ตามแบบแจ้งประวัติพนักงานอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ทั้งนี้ กรณีที่พนักงานเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีความต้องการแจ้งเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลระหว่างปี สามารถกระทำได้โดยยื่นแบบคำขอแสดงความจำนงต่อแผนกทรัพยากรบุคคลและธุรการตามแบบคำขอเปลี่ยนแปลงด้านงานบุคคล ทั้งนี้ ให้ถือว่าการที่พนักงานลงนามในแบบแจ้งประวัติพนักงาน หรือแบบคำขอเปลี่ยนแปลงด้านงานบุคคล เป็นคำยินยอมของพนักงานให้บริษัทสามารถเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวได้

ข้อ 17

กรณีที่พนักงานให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามแก่บริษัท เช่น คู่สมรส บุตร บิดา/มารดา ผู้ค้ำประกัน หัวหน้างาน บุคคลอ้างอิง หรืออดีตนายจ้าง โดยให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลดังกล่าวแก่บริษัท เช่น ชื่อ นามสกุล รายละเอียดที่อยู่/สถานที่ทำงาน อาชีพ หมายเลขโทรศัพท์ โปรดแจ้งนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้แก่บุคคลที่สามดังกล่าวเพื่อให้รับทราบนโยบายความเป็นส่วนตัวของบริษัทและขอความยินยอมจากบุคคลดังกล่าวหากจำเป็น เว้นเสียแต่ว่ามีฐานทางกฎหมายอื่นตามกฎหมายในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามมายังบริษัทโดยที่ไม่จำต้องขอความยินยอม

ข้อ 18

บริษัทสงวนสิทธิในการเปลี่ยนแปลงแก้ไขประกาศ ข้อกำหนด วิธีการอย่างหนึ่งอย่างใดภายหลังที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ เพื่อให้การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลเป็นไปด้วยความเรียบร้อยได้ทั้งสิ้น โดยไม่ต้องขอคำยินยอมจากพนักงานเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนดำเนินการ

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 1/2564 ลงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564


Download PDF
 

นโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับผู้สมัครงาน (Applicant Privacy Notice)

 
 

บริษัท สยามเทคนิคคอนกรีต จำกัด (มหาชน) และบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกัน ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “บริษัท” อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยจัดทำเป็นนโยบายความเป็นส่วนตัว ซึ่งแจ้งวิธีที่บริษัทจัดการกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังนี้ “ข้อมูลส่วนบุคคล” คือ ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ

1. ความยินยอมของท่าน

บริษัทมีการจัดเก็บข้อมูลการสมัครงานของท่านผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัท ที่ชอบด้วยกฎหมาย โดยจัดเก็บข้อมูลเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ของบริษัท จึงต้องแจ้งให้ท่านทราบและขอความยินยอมก่อนเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว

2. ข้อมูลที่บริษัทเก็บรวบรวม

บริษัท สยามเทคนิคคอนกรีต จำกัด (มหาชน) อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านหลายช่องทาง เช่น

2.1 เมื่อท่านสมัครงานกับบริษัท ผ่านทางเว็บไซต์หรือโทรศัพท์ บริษัทขอทราบข้อมูลที่จำเป็นต่อการสมัครงานดังต่อไปนี้

2.1.1 ตำแหน่งสมัครงาน เงินเดือนที่ต้องการ

2.1.2 ข้อมูลส่วนบุคคล อาทิ ชื่อ-นามสกุล, รูปถ่าย, วันเกิด, ที่อยู่ที่สามารถติดต่อได้, ข้อมูลติดต่อ, เลขบัตรประชาชน, ใบอนุญาตขับขี่ เป็นต้น การเก็บรวบรวมนี้รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว อาทิ เชื้อชาติ สัญชาติ ศาสนา เพศ ฯลฯ การเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย ข้อมูลเกี่ยวกับ เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ศาสนา ปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม จะอยู่ภายใต้ความยินยอมของท่านก่อนเท่านั้น (เว้นแต่บริษัทจะนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้เพื่อตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ประกันสังคม ประกันสุขภาพ สวัสดิการรักษาพยาบาล ของลูกจ้าง หรือข้อยกเว้นตามกฎหมาย)

2.1.3 รายละเอียดครอบครัว อาทิ ข้อมูลบิดา มารดา พี่น้อง

2.1.4 ประวัติการศึกษา ความสามารถพิเศษ และประสบการณ์การทำงานของท่าน

2.1.5 เอกสารประกอบการสมัคร อาทิ CV ประวัติการทำงาน จดหมายแนะนำตัว

2.1.6 การตอบคำถามคัดกรองเกี่ยวกับการสมัครงาน หากท่านต้องการให้รายละเอียดการอ้างอิงหรือระบุถึงบุคคลที่สามอื่นใด ท่านมีหน้าที่ต้องขอรับความยินยอมจากบุคคลที่สามดังกล่าว ก่อนที่จะมอบข้อมูลส่วนบุคคลนั้นให้บริษัท ท่านสามารถเลือกว่าจะให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัท หรือไม่ก็ได้ แต่อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่าหากท่านให้ข้อมูลที่ไม่เพียงพอ บริษัทอาจจะไม่สามารถพิจารณาจ้างงานท่านได้

2.2 บริษัทอาจจัดเก็บบันทึกข้อมูลการเข้าออกเว็บไซต์ (Log Files) ของท่าน โดยจะจัดเก็บข้อมูลดังนี้ หมายเลขไอพี (IP Address) หรือ เวลาการเข้าใช้งาน เป็นต้น

2.3 คุกกี้ เว็บไซต์ของบริษัท อาจใช้คุกกี้ในบางกรณี คุกกี้ คือไฟล์ข้อมูลขนาดเล็กที่จัดเก็บข้อมูลซึ่งแลกเปลี่ยนระหว่างคอมพิวเตอร์ของท่านและเว็บไซต์ของบริษัท บริษัทใช้คุกกี้เฉพาะเพื่อการจัดเก็บข้อมูลที่อาจเป็นประโยชน์ต่อท่านในครั้งถัดไปที่ท่านกลับมาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัท เมื่อท่านเข้าใช้บริการเว็บบราวเซอร์ ท่านสามารถตั้งค่าเพื่อ ยอมรับคุกกี้ทั้งหมดหรือปฏิเสธคุกกี้ทั้งหมด หรือแจ้งเตือนให้ท่านทราบเมื่อมีการส่งคุกกี้ โดยท่านสามารถเข้าไปตั้งค่าที่เมนู “ความช่วยเหลือ” ในบราวเซอร์ของท่านเพื่อเรียนรู้วิธีการเปลี่ยนแปลงการใช้คุกกี้ของท่านได้ โปรดทราบว่าการปิดการใช้งานคุกกี้อาจส่งผลต่อการใช้งานบางบริการของท่านได้

3. วัตถุประสงค์การเก็บข้อมูลส่วนบุคคล

ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่บริษัทได้จัดเก็บ บริษัทจะไม่นำข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ไปดำเนินการอื่นนอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ที่บริษัทระบุไว้ โดยทางบริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

3.1 เพื่อใช้ในการประมวลผล พิจารณา ใบสมัครงานของท่าน

3.2 เพื่อให้บริการหรือตอบคำถามตามที่ท่านร้องขอ

3.3 เพื่อรวบรวมข้อมูลเป็นฐานข้อมูลของบริษัท หรือข้อมูลเชิงสถิติเกี่ยวกับจำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์

3.4 การกระทำอื่นที่ท่านให้ความยินยอม บริษัท จะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่ท่านได้ให้มา เพื่อดำเนินการตามความประสงค์ ในการให้บริการตามธุรกรรมที่ตกลงระหว่างท่านกับบริษัท โดยทางบริษัทจะไม่ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับจากท่านเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดนอกเหนือจากที่ระบุไว้ขณะเก็บรวบรวมข้อมูลดังกล่าว

4. ระยะเวลาการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลการสมัครงาน เพื่อพิจารณาการรับเข้าทำงานของท่าน ภายในระยะเวลา 30 วัน นับแต่ที่บริษัทได้รับข้อมูลดังกล่าว โดยมีมาตรการรักษาความปลอดภัยตามสมควรเพื่อป้องกันการเข้าถึง การรวบรวม การใช้ การเปิดเผย การทำสำเนา การดัดแปลง การกำจัดข้อมูล หรือความเสี่ยงในลักษณะเดียวกันโดยไม่ได้รับอนุญาต ภายหลังจากเวลาดังกล่าว หากบริษัทไม่มีความจำเป็นต้องใช้ข้อมูลการสมัครงาน บริษัทจะดำเนินการลบหรือทำลาย ข้อมูลการสมัครงานของท่านทิ้งทันที

5. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัท จะไม่นำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปเปิดเผยแก่บุคคลภายนอก เว้นแต่กรณีดังนี้

5.1 เพื่อวัตถุประสงค์ในการสมัครงาน โดยบริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลของท่านกับ ฝ่ายทรัพยากรบุคคล และ ผู้พิจารณาใบสมัครของท่าน

5.2 การปฏิบัติตามคำสั่งศาล พนักงานเจ้าหน้าที่ หรือ กรณีที่มีกฎหมายกำหนดให้สามารถเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว โปรดทราบว่า บริษัทอาจส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านระหว่างบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกัน เพื่อการให้บริการแก่ท่านอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุตามวัตถุประสงค์ โดยข้อมูลที่อาจส่งต่อได้แก่ ข้อมูลผู้สมัคร โดยจะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวเพื่อวัตถุประสงค์ในการสมัครงานเท่านั้น

6. การรักษาความมั่งคงปลอดภัย

ทางบริษัทมีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม ดังนี้

6.1 บริษัทป้องกันมิให้ข้อมูลสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ ดัดแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต

6.2 บริษัทจำกัดคนเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลไว้สำหรับพนักงาน ลูกจ้าง ที่จำเป็นต้องทราบข้อมูลนั้นเพื่อทำการประมวลผลข้อมูลให้โดยที่บุคคลเหล่านั้นต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดการรักษาข้อมูลที่เป็นความลับตามสัญญาอย่างเข้มงวด

7. สิทธิของเจ้าของข้อมูล

เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิดังต่อไปนี้

7.1 การคัดค้านหรือเพิกถอนความยินยอม ท่านมีสิทธิโต้แย้ง หรือ คัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูล บริษัทจะดำเนินการตามคำขอของท่านและจะไม่เก็บรวบรวม เปิดเผย ส่งต่อ หรือนำไปใช้ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอีกต่อไป การเพิกถอนความยินยอมนั้น อาจมีบางบริการที่บริษัทไม่สามารถให้บริการแก่ท่านได้หากปราศจากความยินยอมของท่าน ทั้งนี้บริษัทจะแจ้งให้ทราบถึงผลของการเพิกถอนความยินยอมภายหลังจากที่บริษัทได้รับคำร้องขอเพิกถอน

7.2 การเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ท่านสามารถขอสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับท่าน โดยบริษัทจะนำส่งข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่ท่านภายในกำหนดระยะเวลา 30 (สามสิบ) วัน นับแต่มีการส่งคำขอถึงบริษัท

7.3 การแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล ท่านสามารถขอให้บริษัทแก้ไขข้อผิดพลาดหรือข้อมูลที่ขาดหายในข้อมูลส่วนบุคคล

7.4 ขอให้ระงับการใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

7.5 การลบข้อมูลส่วนบุคคล ท่านสามารถขอให้ดำเนินการลบ หรือ ทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

7.6 การขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยท่านสามารถแจ้งให้ทางบริษัททราบเป็นลายลักษณ์อักษร หรือผ่านทางอีเมล recruit@stec.co.th หรือผ่านหมายเลขโทรศัพท์ (02) 589-3888 ต่อ 315 เพื่อแจ้งความประสงค์ดังกล่าว

8. ติดต่อเรา

เลขที่ 50 ซอยงามวงศ์วาน 47 แยก 20 ถนนงามวงศ์วาน แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 1021210

โทรศัพท์: (02) 589-3888 ต่อ 315

หมายเหตุ

- การเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว ทางบริษัทอาจแก้ไขเพิ่มเติมนโยบายความเป็นส่วนตัวโดยไม่แจ้งล่วงหน้า โดยประกาศบนเว็บไซต์พร้อมระบุวันที่แก้ไขเพิ่มเติมครั้งล่าสุด โดยถือว่าท่านยอมรับนโยบายที่เปลี่ยนแปลงนั้นแล้ว ทางบริษัทจะไม่แจ้งการแก้ไขดังกล่าวให้ท่านทราบเป็นรายบุคคล

- แนวปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

วันที่แก้ไขล่าสุด 23 กุมภาพันธ์ 2564

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 1/2564 ลงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564


Download PDF